การค้ารูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในขณะนี้ และหลายคนก็กำลังสงสัยคิดวาการทำธุรกิจ E-Commerce เป็นเรื่องยากเพราะนึกไปถึงการมีระบบจัดการขนาดใหญ่ แต่ความจริงแล้วเรื่องราวของ อีคอมเมิร์ซอยู่ใกล้ตัวคนทำธุรกิจเสียอีก แล้วความหมายของ E-Commerce คือ อะไร? ทั้งนี้รวมถึงการซื้อขายสินค้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจากประเทศจีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่หันมาให้ความสนใจในการหาของจากจีนมาขายกันมากขึ้น ด้วยคุณภาพที่ถือว่าสมเหตุผลและราคาที่ถูกทำให้สามารถทำกำไรได้ดีเลยทีเดียว
E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ)
E-Commerce คือ ธุรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการดำเนินการซื้อขายสินค้าและบริการ ด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือเข้าใจง่าย ๆ คือการซื้อขายกันแบบออนไลน์นั่นเอง โดยการซื้อขายผ่านเว็บไซต์ แพลตฟอร์ม หรือ แอปพลิเคชัน เนื่องจากการซื้อขายทางออนไลน์เป็นเทรนด์ที่หลายคนเคยใช้บริการมานาน และได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่ออินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนาให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ในไทย
จุดเด่นและข้อดีของ Ecommerce
ข้อดีของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีหลายด้านด้วยกันซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจของคุณ ดังนี้
1.ต้นทุนการขายที่ต่ำ
เนื่องจากไม่ต้องมีหน้าร้านและไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงาน ทำให้ประหยัดต้นทุนด้านแรงงาน ค่าเช่าสถานที่ และ การเดินทาง
2.เข้าถึงตลาดได้ทั่วโลก
การทำธุรกิจในสมัยก่อนจำกัดอยู่แค่ตัวเลขของลูกค้าที่เดินเข้าร้านในสมัยนี้การขายของออนไลน์ต่างประเทศด้วย E commerce หรือการใช้อินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดีย ทำให้เจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกว่าเดิม
3.สั่งสินค้าได้ง่าย
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ มีความหลากหลายทำให้ลูกค้าสามารถเลือกดูสินค้าสั่งซื้อจากที่ไหนก็ได้เพียงแค่คลิกเดียว
4.เพิ่มโอกาสในการขาย
สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายขนาดใหญ่ทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว เป็นการค้าขายที่ไร้พรมแดนทำให้ค้าขายได้ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
5.ค่าดำเนินการน้อยกว่า
การสร้างเว็บไซต์ใช้เงินที่น้อยกว่าการทำร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม คุณสามารถสร้างธุรกิจ e-commerce ได้โดยไม่ต้องเช่าที่ ไม่ต้องจ้างพนักงาน และไม่ต้องมีโกดังเก็บของขนาดใหญ่ ซึ่งธุรกิจ e-commerce มีค่าดำเนินการน้อยกว่า แถมไม่ต้องจ่ายค่าเช่าหรือกังวลเรื่องค่าซ่อมบำรุงตึก และไม่ต้องจ้างพนักงานเฝ้าร้าน และที่สำคัญคุณยังสามารถเปิดตลอดได้ 24 ชั่วโมง
6.มีเครื่องมือที่เอื้อต่อการสื่อสาร
เครื่องมือสื่อสารสามารถประกอบกับลูกค้าได้ทำให้ง่ายต่อการประชาสัมพันธ์โฆษณาและยังมีอุปกรณ์สื่อสารที่เชื่อมโยงกับระบบอินเตอร์เน็ต
7.เปิดค้าขายได้ 24 ชั่วโมง
สามารถเปิดร้านได้ 24 ชั่วโมงทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา
8.ทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สามารถวัดผลได้เพราะเราใช้เว็บไซต์หรือ Social Media ในการเก็บข้อมูลลูกค้าผู้ที่เข้าเยี่ยมชมสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ต่อยอดทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างตรงจุด
ประเภทของ E Commerce มีอะไรบ้าง
ประเภทของ E-Commerce มีหลายรูปแบบและมีความหลากหลายแตกต่างกันไป ตามเป้าหมายของธุรกิจ ซึ่งรูปแบบของธุรกิจ E-commerce มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย
เป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ b2b หรือธุรกิจที่ขายของให้กับอีกธุรกิจ ซึ่งหลายครั้งนำสินค้าไปขายต่อให้กับผู้บริโภคอีกอีกที
เป็นธุรกิจที่ขายของให้กับผู้บริโภคโดยตรงซึ่งเป็นโมเดลที่เห็นได้ทั่วไป หรือเป็นพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบ b2c
ธุรกิจที่ขายของให้กับรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐ
ผู้บริโภคขายของให้กับผู้บริโภคโดยการสร้างออนไลน์ marketplace พื้นที่ที่ให้คนซื้อและคนขายมาเจอกัน
ผู้บริโภคขายของให้กับธุรกิจ นั่นหมายถึงการที่ลูกค้านำสินค้ามาขายต่อให้กับบริษัท
ผู้บริโภคขายของให้กับรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐ
รัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐขายของให้กับธุรกิจ
รัฐบาลหรือหน่วยงานร้านขายของให้กับผู้บริโภค
ช่องทางการทำธุรกิจ E Commerce
ปัจจุบันมีช่องทางการทำธุรกิจ e commerce ในปัจจุบัน มีหลากหลายช่องทาง มีอะไรบ้าง พร้อมทั้งข้อดี ข้อเสียที่เราได้รวบรวมมาให้แล้ว
1. ผ่านเว็บไซต์ (ของตนเอง)
การขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ e-commerce หรือเว็บไซต์ของตัวเองโดยการมีแบรนด์ทำเว็บไซต์แล้วขายโดยตรงกับลูกค้า
- ข้อดีของการมีเว็บไซต์ ทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือ มีตัวตน เราสามารถออกแบบเว็บไซต์ได้ตามความต้องการ ที่สำคัญจัดเก็บข้อมูลลูกค้าได้ด้วยตัวเอง
- ข้อเสียคือ มีต้นทุนการบริหารจัดการเว็บไซต์ที่ค่อนข้างสูงในช่วงแรก และต้องปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงให้เสมอ
2. Social Commerce
มีการซื้อขายสินค้าบริการผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดฮิตของคนไทยคือ Facebook Instagram Twitter LINE OA และ tiktok ปัจจุบัน platform เหล่านี้ได้รับการพัฒนาระบบให้สามารถซื้อสินค้าและชำระเงินได้ทันที
- ข้อดีของ Social Commerce เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมากขึ้น จึงเป็นช่องทางที่แบรนด์สามารถเข้าถึงคนจำนวนมากได้ง่ายและอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ซื้อและผู้ขายสามารถโต้ตอบระหว่างกันได้ทันที มีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ตลอดเวลา เช่นการสั่งซื้อสินค้า การเก็บฐานข้อมูล
- ข้อเสียของ Social Media แบรนด์ไม่ได้เป็นเจ้าของ 100% เพจหรือ account ID อาจโดนปิดกั้นจากผู้ให้บริการ ความน่าเชื่อถือสำหรับลูกค้าน้อยกว่า และแอดมินที่ตอบคำถามลูกค้าอาจมีข้อความเข้ามามากเกินไปทำให้เราไม่ทันทำให้โอกาสปิดการขายได้ลำบากขึ้น
3. Marketplace
เป็นเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เหมือนตลาดกลางที่รวบรวมสินค้าจากร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆให้เข้าทำให้เข้ามาทำการซื้อขายสินค้าผ่านระบบ platform ที่ตั้งไว้และเพื่อเป็นช่องทางเพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้าออกไปทั่วโลก ตัวอย่างเว็บตลาดอิเล็กทรอนิกส์emarketplaceได้แก่ของคนไทยได้แก่ Lazada, Shopee, JD Central
- ข้อดีของ marketplace เป็น platform ที่มีความน่าเชื่อถือสามารถตรวจสอบได้ มีระบบจัดการที่ง่าย ตั้งแต่รูปแบบร้านค้าออนไลน์ การเพิ่มโอกาสการขายมีมากกว่ารวมถึงสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศได้
- ข้อเสียของ marketplace มีค่าใช้จ่ายในการขายสินค้า ค่าธรรมเนียมรายปีส่วนแบ่งจ่ายยอดขายที่ต้องจ่ายให้กับทาง marketplace มีผู้ขายจำนวนมากไลน์ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น
ธุรกิจ E Commerce ขายอะไรได้บ้าง
สินค้าทุกอย่างหรือแม้แต่สินค้านำเข้าจากจีนก็สามารถขายผ่าน e-commerce ได้ไม่ได้มีข้อจำกัดใดๆ แต่หากสินค้าที่วางขายมีความแตกต่างน่าสนใจจะยิ่งดึงดูดลูกค้าได้มาก ทั้งนี้เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นเราจะแบ่งประเภทสินค้าออกเป็น 3 ประเภทกว้างๆ ดังนี้
- สินค้าที่จับต้องได้ – เสื้อผ้า อุปกรณ์เครื่องเขียน สินค้าอุปโภคบริโภค
- สินค้าที่จับต้องไม่ได้ – สินค้าดิจิตอล ซอฟต์แวร์ เพลง หนัง รูปภาพ Application
- งานบริการ – โรงแรมที่พัก บริการสปา คลินิกเสริมความงาม ตั๋วเครื่องบิน
E-Commerce โอกาสทางสร้างรายได้ธุรกิจ
ด้วยเทคโนโลยีด้านความเร็วอินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนามากขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เร็วเพิ่มมากขึ้นในทุกปี จากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตในปี 2563 โดย ETDA (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ได้เผยว่า คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 11 ชั่วโมง 25 นาที จึงเป็นสัญญาณที่ดีว่าการค้าแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะมีมูลค่าการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 4,027,277 ล้านบาท ด้วยการทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การบริการซื้อขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ต รวมถึงการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านทางออนไลน์ ปัจจุบันแนวโน้มธุรกิจ ecommerce เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้แนวทางธุรกิจและแนวทางการซื้อของที่ประชาชน หลายคนจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น ส่งผลให้ร้านค้าในโลกออนไลน์ประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่น้อย
สรุปได้ว่า E-Commerce นั้นมีความสำคัญ เพราะในยุคสมัยปัจจุบันนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ใช้อินเทอร์เน็ตกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลสินค้า ซื้อของ ลงขายของ หรือทำธุรกรรมการเงิน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวย่อมส่งผลดีต่อกลุ่มร้านค้า คนขายของออนไลน์อย่างแน่นอน ทั้งนี้การเลือกรูปแบบของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือประเภทโมเดลธุรกิจให้เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น เป้าหมายทางธุรกิจ ประเภทของสินค้า/บริการ และงบประมาณ
ถ้าหากคุณมีสินค้าหรือแบรนด์ของตัวเองอยู่แล้ว การทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็เป็นช่องทางที่น่าสนใจอีกช่องทางหนึ่ง หรือไม่มีสินค้าจะขาย ไม่รู้จะขายอะไรดี มองหาสินค้าราคาถูก เริ่มต้นธุรกิจจากจุดเล็ก ๆ เราช่วยได้ Taobao2you ผู้นำด้านโลจิสติกส์ และผู้บริการนำเข้าสินค้าจากจีน หรือสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ของจีน Taobao, Tmall, 1688, Alibaba และให้ Taobao2you ซัพพอร์ต เราเป็นผู้ให้บริการนำเข้าสินค้าที่มีประสบการณ์สูงและมีความน่าเชื่อถือ ทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพที่จะเพิ่มศักยภาพในด้านการแข่งขันการทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เรามีโกดังในจีนที่บริษัทชิปปิ้งจีนเป็นผู้ดูแลสินค้าของท่านไม่ให้ปะปนกับสินค้าคนอื่น รวมถึงมีชิปปิ้งจีนคอยประสานงานและสื่อสารภาษาจีนให้กับด่านศุลกากรเพื่อเคลียร์สินค้าได้อย่างรวดเร็ว Taobao2you รับสั่งของจากจีนและขนส่งจากจีนในเรทขั้นต่ำราคาถูก หากท่านต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะเรา Taobao2you ให้บริการที่ครอบคลุม เราเป็นผู้ให้บริการสินค้านำเข้าจากจีนในราคาถูก และรับสั่งของจากจีน เว็บไซต์ 1688 หรือ Tmall ได้คุ้มค่าอย่างแน่นอน
TAOBAO2YOU
Taobao2you ให้บริการนำเข้าสินค้าจากจีนหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ นำเข้าสินค้าอย่างเดียว , ฝากสั่งซื้อสินค้า + นำเข้าแบบปลีก/กิโล, บริการนำเข้าสินค้าแบบเหมาตู้สินค้าหรือเหมาตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งแต่ละบริการก็มีอัตราค่าบริการที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เพื่อให้คุณได้พิจารณาว่าการนำเข้าสินค้าแบบไหนตอบโจทย์และคุ้มค่ามากที่สุด